วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

จดหมายข่าว Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian

 Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian





นางสาวสุชารัตน์ แสงอรุณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์  กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิดตัวโครงการ Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา เป็นแนวคิดที่ ททท. มองเห็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างมูลค่าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ยั่งยืน เช่น การใช้เงินสกุลดิจิทัลมาเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เพื่อสร้างให้เกิด Tourism Metaverse หรือพื้นที่เสมือนจริงสำหรับแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างทางการท่องเที่ยวแบบใหม่ และมีโอกาสในการเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง เต็มใจใช้จ่ายเพื่อตอบสนองคุณค่าของประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยว โดยนำเอา "ทุเรียน: ซึ่งถือได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ของไทยและเป็นผลไม้ที่ทุกคนรอคอย มาเป็นสื่อในการนำร่องเพื่อสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้รู้จักและเข้าถึงในเรื่องของ Metaverse เป็นธุรกิจนำร่องเชื่อมโยงจากโลกเสมือนสู่โลกจริงโดยใช้แพลตฟอร์ม Web 3.0 มากระตุ้นการท่องเที่ยว

        ททท.เลือกพื้นที่นำร่อง“สวนทุเรียน”ทั้งหมด 4 จังหวัด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจังหวัดศรีสะเกษ        มีสวนทุเรียนร่วมโครงการทั้งหมด 7 สวน (ไร่ธิทรรศยา สวนอิงธาร สวนสามพี่น้อง สวนเงาะ& ทุเรียนแม่ปรียา สวนปู่กะย่า สวนวินกะวา สวนลุงเวียง และในส่วนที่เป็นโลกเสมือนจริงมีทั้งหมด 3 สวน (สวนอิงธาร สวนลุงเวียง บ้านสวนวินกะวา) โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อทุเรียนภูเขาไฟ ผ่าน แพลตฟอร์ม Metaverse ได้แล้วแล้วที่  https://www.amazingthailandmetaverse.com/โดยมีโปรโมชั่น ซื้อ 2ลูก แถม 1 ลูก พร้อมเสริฟนักท่องเที่ยวแล้ว 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ททท.โทรศัพท์0 2250 5500 ต่อ 2940-2945 หรือ www.amazingthailandmetaverse.com หรือ Facebook Page:AmazingThailandMetaverse

หรือสามารถประสานงานได้ที่ ททท.สำนักงานสุรินทร์(สุรินทร์-ศรีสะเกษ) โทร 044514447-8 หริอ Facebook TATSurin 



วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ททท.สุรินทร์ขอเชิญชวนมาเอาบุญใหญ่ บวชนาคช้าง ที่เมืองสุรินทร์


                   จังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวยแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ อำเภอท่าตูม องค์การบริหารส่วนตำบลกระโพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดงานประเพณีบวชนาคช้าง ประจำปี 2565 ในระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2565 ณ วัดแจ้งสว่าง และศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์  เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่คู่กับจังหวัดสุรินทร์สืบไป รวมทั้งส่งเสริมงานประเพณีบวชนาคช้างให้เป็นประเพณีที่สำคัญของท้องถิ่น ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ประเพณีบวชนาคช้าง ให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป 





กำหนดการจัดงานประเพณีบวชนาคช้าง ประจำปี 2565

    วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565
             เวลา  08.00 น.    - ลงทะเบียนนาคที่เข้าพิธีโกนผมนาค
             เวลา  08.30 น.    - พิธีโกนผมนาค 

    วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2565 
             เวลา  09.00 น.    - นาคและญาติพร้อมกัน ณ วัดแจ้งสว่าง/ถวายภัตตาคารอาหารเพล
             เวลา  09.30 น.    - ประกอบพิธีเซ่น ศาลปะกำ ณ ศูนย์คชศึกษา
             เวลา  13.00 น.    - นาคและญาติ / ขบวนแห่ทุกขบวน พร้อมกัน ณ บริเวณแนวถนน                                              ด้านข้างวัดแจ้งสว่าง
             เวลา  13.30 น.    - หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติ พร้อมกันที่ศูนย์คชศึกษา                                                   (บริเวณจุดจอดรถใกล้ที่จำหน่ายตั๋ว)
                                         - ขบวนแห่ทุกขบวน เคลื่อนขบวนแห่นาคด้วยช้างไปยังวังทะลุ 
                                         - หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติ แหละขบวนแห่ทุกขบวน
                                            เดินทางไปยังวังทะลุ
                                         - ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
              เวลา 14.30 น.    - พิธีเปิดงาน
                                         - นายอำเภอท่าตูม กล่าวต้อนรับนักท่องเที่ยว
                                         - นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน                                                          วัตถุประสงค์ของการจัดงาน
                                         - ประธาน กล่าวเปิดงาน / ลั่นฆ้อง
                                         - พิธีเซ่นไหว้และขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลปู่ตา ณ วังทะลุ
                                         - เสร็จพิธี

    วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565
              เวลา  10.00 น.    - นาคที่เข้าร่วมอุปสมบทพร้อมกัน ณ วัดแจ้งสว่าง
              เวลา  13.00 น.    - พิธีอุปสมบทหมู่ ณ วัดแจ้งสว่าง

                                                             _____________________________________________

















สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Page Facebook: ททท.สำนักงานสุรินทร์ TAT Surin
ภาพ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
พัฒนาข้อมูลโดย: นายปารเมศ วุฒิกุลศักดิ์สิทธิ์










                       

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

ข้อมูลวัดที่ร่วมกิจกรรม และจดหมายข่าว บุญเดือนห้ามหาสงกรานต์ เที่ยวรอดปลอดภัย @สุรินทร์ ศรีสะเกษ

 

#เที่ยวรอดปลอดภัย

#สงกรานต์สุรินทร์ศรีสะเกษ #ทททสำนักงานสุรินทร์ #สงกรานต์












บุญเดือนห้ามหาสงกรานต์

เที่ยวรอดปลอดภัย @สุรินทร์ ศรีสะเกษ

เที่ยวบุญเดือนห้า มหาสงกรานต์  สุรินทร์-ศรีสะเกษ

ขอเชิญร่วมกิจกรรม แอลกอฮอล์มงคล พ่นแล้วรอด เที่ยวปลอดภัย กับ ททท.สำนักงานสุรินทร์ -ศรีสะเกษ

          สืบเนื่องจาก ฮีตสิบสอง ของชาวอีสาน หมายถึงประเพณี 12 เดือนที่เกี่ยวเนื่องกับหลักทางพุทธศาสนา ความเชื่อและการดํารงชีวิตทางเกษตรกรรมซึ่งชาวอีสาน ยึดถือปฏิบัติกัน มาแต่โบราณ ปฏิบัติที่สืบต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณี "สิบสอง" คือประเพณีที่ปฏิบัติตามเดือนทางจันทรคติทั้งสิบสองเดือน

          บุญฮดสรง หรือ บุญสงกรานต์ จัดให้มีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนห้า ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาตั้งแต่โบราณ ในวันนี้พระสงฆ์จะนําพระพุทธรูปออกจากโบสถ์มาไว้ที่หอสรง ตอนบ่าย ชาวบ้านจะนำน้ำอบ น้ำหอม มาร่วมกันสรงน้ำพระพุทธรูปที่หอสรงนี้ จากนั้น ก็ออกไปเก็บดอกไม้มาจัดประกวดประชันในการบูชาพระ ก่อเจดีย์ทราย  ระหว่างนี้ชาวบ้านจะพากันเล่นแคน ฉิ่งฉาบ ดนตรีพื้นบ้านเพื่อความสนุกสนาน มีการรดน้ำดําหัวญาติผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำกัน ชาวอีสาน เชื่อกันว่า เมื่อได้ร่วมพิธีสรงน้ำพระ ถวายดอกไม้ ก่อเจดีย์ทราย  กราบพระที่เลื่อมใสศรัทธาขอพรในวันสงกรานต์แล้วถือได้ว่าเป็นศิริมงคลกับชีวิต ประสบแต่ ความสุขความเจริญในปีใหม่ที่จะมาถึง คนอีสานเรียกวันสงกรานต์ ดังนี้ คือ วันที่ 13 เมษายน เรียกว่า วันสังขารล่วง  วันที่ 14 วันเนา และ วันที่ 15 เรียกว่า วันสังขารขึ้น

          นางสาวสุชารัตน์ แสงอรุณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี พ.ศ.2565 นี้ ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้ นิมนต์พระอาจารย์เกจิดังแห่งแดนอีสาน หลวงปู่รอด อาภาสสฺโร แห่งวัดโคกกลม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พระครูอาภัสร์ธรรมคุณ  ผู้เข้มขลัง เกจิดังด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย เสริมความเป็นศิริมงมล เสริมบารมี และเมตตามหานิยม ได้ทำพิธีนั่งอธิฐานจิตปลุกเสกแอลกอฮอล์มงคล จำนวน 99 ชิ้น พ่นแล้วรอดเที่ยวปลอดภัย บุญเดือนห้า มหาสงกรานต์ เพื่อแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยว ผู้ร่วมกิจกรรม กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ โดยจะมีการเริ่มกิจกรรม ในวันที่ 1 เมษายน 2565 – วันที่ 30 เมษายน 2565 กติกาการร่วมกิจกรรมง่ายๆเพียงแค่  ถ่ายรูปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยว

          จังหวัดสุรินทร์ 1.วัดบูรพาราม  2.ศาลหลักเมือง 3.วนอุทยานพนมสวาย 4.วัดป่าอาเจียง

          จังหวัดศรีสะเกษ 1.วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) 2.ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ 3.วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม              4.วัดไพรพัฒนา(หลวงปู่สรวง)

โพสต์ลงเฟสบุ๊คเปิดสาธารณะ แล้วติด #มหาสงกรานต์สุรินทร์ศรีสะเกษ (อย่างน้อย 1แหล่ง)และแคปหน้าจอส่งข้อความมาที่เพจ ททท.สำนักงานสุรินทร์ พร้อมที่อยู่และเบอร์โทรติดต่อกลับ  

           แอลกอฮอล์มงคลหลวงปู่รอด พ่นแล้วรอดเที่ยวปลอดภัย จำกัดจำนวน 99 รางวัล เท่านั้น       

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  Face Book  Fan Page ททท.สำนักงานสุรินทร์ 

 


      


วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565

ท่องเที่ยวสายมู @ สุรินทร์ ศรีสะเกษ


ท่องเที่ยวสายมู @ สุรินทร์ ศรีสะเกษ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วัดบูรพาราม  อ.เมืองสุรินร์ จังหวดสุรินทร์

            วัดบูรพาราม เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีหรือ ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีอายุประมาณ ๒๐๐ ปี เท่ากับอายุเมืองสุรินทร์ สร้างโดย พระยาสุรินทร์ศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรกสร้างเมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๓๐๐ ถึง ๒๓๓๐ โดยประชาชนร่วมกันสร้างขึ้น เรียกว่า "วัดบูรพ์" เดิมเป็นวัดมหานิกายเป็นวัดเก่าแก่มีพัฒนาการที่ยาวนานตามยุคตามสมัย ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโสอ้วน) ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑล และอนุมัติให้วัดบูรณ์เป็นวัดในสังกัดธรรมยุตและได้นิมนต์พระราชวุฒาจารย์ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ซึ่งปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานอยู่ให้มาประจำอยู่ที่วัดบูรพาราม ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส และร่วมเป็นคณะพระสังฆาธิการ
            หลวงพ่อพระชีว์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง ๔ ศอก ประดิษฐาน ณ วัดบูรพาราม ถนนกรุงศรีใน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ใกล้ศาลากลางจังหวัด หลวงพ่อพระชีว์หรือหลวงพ่อประจีองค์นี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด คาดว่าสร้างขึ้นมาพร้อมกับวัดบูรพาราม รับเป็นปูชนียวัตถุ ที่ชาวสุรินทร์เคารพบูชาถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองสุรินทร์ วัดบูรพารามได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐  

การเดินทาง :

สอบถามข้อมูล :



 


............................................................................................

ศาลหลักเมืองสุรินทร์ 

            เป็นสถานที่สำคัญและเป็นที่นับถือคู่บ้านคู่เมืองของชาวสุรินทร์ อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตรตั้งอยู่ที่ถนนหลักเมือง เป็นสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวสุรินทร์ อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร เดิมเป็นศาลที่ยังไม่มีเสาหลักเมือง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2511 กรมศิลปากรได้ออกแบบสร้างศาลหลักเมืองใหม่ เสาหลักเมืองเป็นไม้ชัยพฤกษ์ที่ได้มาจากนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเสาไม้สูง 3 เมตร วัดโดยรอบเสาได้ 1 เมตร ทำพิธียกเสาหลักเมืองและสมโภช เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2517 ศาลหลักเมืองสุรินทร์เดิมเป็นศาลที่ยังไม่มีเสาหลักเมืองแต่มีความศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั่วไปมาเป็นเวลานานนับ 100 ปี ครั้ง พ.ศ. 2511 จังหวัดสุรินทร์ได้ดำเนินการขอให้กรมศิลปากรออกแบบแปลนก่อสร้างตัวศาลหลักเมือง เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ซึ่งได้รับมอบมาจาก นายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ ราษฎร อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีความสูง 3 เมตรวัดรอบได้ 1 เมตรแกะสลักตกแต่งด้วยเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ต่อมา วันที่ 21 ส.ค. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเจิมเสาหลักเมือง ณ ตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต และพระราชทานดำรัสว่า "การสร้างเสาหลักเมืองนี้ดี เป็นหลักแหล่งความสามัคคี ขอให้ชาวสุรินทร์จงมีความสามัคคีกัน สร้างความเจริญก้าวหน้า และขอให้ชาวสุรินทร์จงมีความร่มเย็นเป็นสุข" นายสงวน สาริตานนท์ ผวจ.สุรินทร์ ในสมัยนั้น ได้อัญเชิญเสาหลักเมืองมายังจังหวัดสุรินทร์ มีการแห่ไปรอบเมืองและอัญเชิญเสาหลักเมืองขึ้นบนแท่นประดิษฐานไว้ที่ศาลหลักเมือง และเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2517 ได้ประกอบพิธียกเสาหลักเมือง และมีพิธีฉลองสมโภช ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้น เมื่อชาวบ้านพบถนนคอนกรีตที่ใช้เป็นสัญจรไปมา ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณศาล มีรอยแยกของถนนอย่างเห็นได้ชัด ต่อมาถนนเริ่มยกตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ รถยนต์วิ่งผ่านไม่สะดวก หรือบางคันที่วิ่งผ่านต้องมีเหตุให้เครื่องยนต์ดับ จนต้องหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางบริเวณจุดตรงนี้ จากความผิดสังเกตของรอยแตกและยกตัวของถนนคอนกรีต จนสามารถมองเห็นช่องเป็นโพรงใหญ่อย่างชัดเจน ชาวบ้านบางคนลองเอามือล้วงเข้าไปในโพรงดังกล่าว บอกว่ารู้สึกถึงไอความร้อน ณ บริเวณนั้น จนอดที่จะแปลกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ เมื่อแรกขุดเจอพระพุทธรูปนาคปรก ต่อมาก็ได้พบกับวัตถุโบราณในบริเวณใกล้เคียง มีทั้งเครื่องลางรูปพญานาคที่ทำด้วยทองเหลือง เครื่องลางเป็นรูปพระนารายณ์นั่งคู่กับพระนางลักษมี ซึ่งมีพระพิฆเณศอยู่ตรงกลางด้านหน้าทำด้วยทองเหลือง รวมทั้งพระเครื่องดินเผาและกำไลโบราณทั้งหมดจำนวนมาก อายุราว 200 ปี เมื่อได้ขุดลึกลงไปอีกจึงได้พบกับเครื่องปั้นภาชนะดินเผา เชื่อว่าน่าจะมีการสร้างสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีอายุราว 1,500-2,000 ปี สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ชาวบ้านได้นำมาตั้งไว้บูชา ณ ศาลหลักเมืองที่บริเวณใกล้เคียง สอบถามข้อมูลติดต่อ ททท.สำนักงานสุรินทร์ 0 4451 4447-8 

การเดินทาง :

สอบถามข้อมูล : 



...........................................................................

วนอุทยานพนมสวาย 

        วนอุทยานพนมสวาย อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ ห่างจากตัวเมืองไป 22 กม. เขาพนมสวายเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟ (ปัจจุบันดับสนิทแล้ว) มีลักษณะเป็นภูเขาเตี้ยๆ มี 3ยอด คือ เขาชาย (เขาพนมเปราะ) เขาหญิง (เขาพนมสรัย)และเขาคอก(เขาพนมกรอล) ตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบันชาวสุรินทร์ถือว่าเขาพนมสวายเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่แสวงบุญ โดยทุกวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 จะมีประเพณีเดินขึ้นเขาพนมสวายจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีจากบริเวณจุดจอดรถก่อนที่จะไปเขาทั้ง ยอดเราแวะมาที่เจดีย์หลวงปู่ดุลย์เพื่อมากราบสักการะรูปเหมือนและอัฐิของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล เกจิแห่งเมืองสุรินทร์เพื่อเป็นสิริมงคลกัน
          จากบริเวณจุดจอดรถก่อนที่จะไปเขาทั้ง 3 ยอด เราแวะมาที่เจดีย์หลวงปู่ดุลย์เพื่อมากราบสักการะรูปเหมือนและอัฐิของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล เกจิแห่งเมืองสุรินทร์เพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อนก่อนจะไปที่ เขาคอกที่อยู่ใกล้ๆ กันบนยอดเขาคอกเป็นคือศาลาอัฐมุขที่ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองและใกล้ๆกันนั้นมีศาลาเจ้าแม่กวนอิมให้สักการะกันด้วย
          จากนั้นเดินเท้าไปที่ "เขาชาย" ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่หรือ พระพุทธสุรินทรมงคล พระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตักกว้าง 15 ม. ความสูง 21.50 ม. อีกทั้งบันไดทางขึ้นสู่องค์พระยังมีระฆังแขวนเรียงรายตลอดเส้นทาง ซึ่งหากนับรวมระฆังทั้งหมดมีจำนวนถึง 1,080 ใบ เลยทีเดียวด้านบนเขายังสามารถมองเห็นร่องรอยของปากปล่องภูเขาไฟในอดีตได้อีกด้วย



................................................................................

วัดป่าอาเจียง

            วัดป่าอาเจียง เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตคนกับช้าง ตลอดทั้งช้างกับพระพุทธศาสนาให้ครบวงจรอยู่ในสถานที่เดียวกัน สำหรับสุสานช้างนั้นพระครูสมุห์หาญ ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าอาเจียง ได้เริ่มทำมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เกี่ยวเนื่องกับในอดีตวัยเด็กท่านมีความผูกพันกับช้าง "พังคำมูล" และเมื่อช้างถูกรถชนตายท่านจึงนำกระดูก "พังคำมูล" นำมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ช้างและฝัง เมื่อชาวบ้านทราบก็ไปขุดเอากระดูกช้างที่เขาฝังไว้ตามไร้นา มากองให้ที่วัด จึงเป็นเหตุให้ต้องทำเป็นหลุมฝังศพช้าง แรกเริ่มก็ ๔๗ หลุม ปัจจุบันนี้ร้อยกว่าหลุมแล้ว การขนย้ายจะเห็นได้ว่าเป็นความผูกพันระหว่างคนกับช้าง  ที่มีสายใยสายสัมพันธ์ประหนึ่งคนในครอบครัว ปัจจุบันวัดป่าอาเจียง อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยนักท่องเที่ยวเมื่อมาเที่ยวชมหมู่บ้านช้างตากลาง ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมวิถีชีวิตช้าง วิถีชีวิตคน สามารถแวะทำบุญเช่าวัตถุมงคลวัดป่าอาเจียง เพื่อสมทบทุนในการทำสุสานช้างหรือ การเคลื่อนย้ายกระดูกช้างเพื่อเอามาบรรจุในสุสานช้างก็ติดต่อได้ที่วัดป่าอาเจียง
    ประวัติความเป็นมาของวัด และชุมชน วัดป่าอาเจียง ตั้งอยู่บ้านหนองบัว  หมู่ที่ ๑๔  ตำบลกระโพ อำเภอ  ท่าตูม  จังหวัดสุรินทร์ เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในกลุ่มหมู่บ้านเลี้ยงช้างแถบลุ่มน้ำชี-น้ำมูล  เวลามีงานทางพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมจารีตประเพณีวิถีชีวิต ในเทศกาลต่างๆ  ผู้นำชุมชนก็จะนำพาชาวบ้านไปร่วมงานทำบุญกับหมู่บ้านอื่นที่มีวัด  แม้จะทุ่มเททำอะไรลงไปก็ไม่มีใครเห็นคุณค่า  จึงได้ประชุมปรึกษาหารือกันภายในชุมชนของตนคิดสร้างวัดประจำชุมชนของตน  ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นคนกับช้าง  ให้ครบวงจรอยู่ในสถานที่เดียวกัน ชื่อวัดป่าอาเจียง
    ที่มาของชื่อชุมชนท่องเที่ยวเชิงศาสนา  คำว่า อาเจียง เป็นภาษากูย (ส่วย) ซึ่งแปลว่าช้าง


การเดินทาง : โดยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถจาก บขส.สุรินทร์ โดยรถประจำทางสายสุรินทร์ – สตึก ลงที่อำเภอจอมพระ ขึ้นรถสองแถวสายจอมพระ- กระโพ ลงที่วัดป่าอาเจียงได้
 รถส่วนตัว เดินทางจากสุรินทร์ ไปตามถนนสายสุรินทร์-จอมพระหมายเลข 214 ระยะทางประมาณ 39 กิโลเมตร เลี้ยวขวา ไปตามเส้นทางหมายเลข 3027 ประมาณ 21 กิโลเมตร





บุญเดือนห้ามหาสงกรานต์ เที่ยวรอดปลอดภัย @ ศรีสะเกษ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต)


            พระอารามหลวงเป็นวัดสำคัญที่เก่าแก่ของจังหวัดศรีสะเกษโดยเมื่อปี พ.ศ.2322 พระยาวิเศษภักดี (เจ้าเมืองศรีสะเกษคนที่ 2) ได้ย้ายเมืองจากเดิมที่บ้านโนนสามขาสระกำแพงมายังเมืองศรีสะเกษซึ่งในขณะนั้นมีผู้พบหลวงพ่อโตถูกทิ้งร้างอยู่ใจกลางป่าแดงจึงได้มีการจัดสร้างวัดขึ้นโดยใช้ชื่อว่าวัดพระโตหรือวัดป่าแดงต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดมหาพุทธารามหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองศรีสะเกษและเป็นที่เคารพสักการะของชาวศรีสะเกษและผู้มาเยือน กราบไหว้พระคู่เมืองศรีสะเกษแล้วเดินทางไปยัง อำเภออุทุมพรพิสัย กราบไหว้และชมความงามของ

การเดินทาง : 

สอบถามข้อมูล :

....................................................................................................................

ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่


                ปราสาทขอม โบราณสถานที่มีอายุกว่า 1,000 ปี เป็นปราสาทหินขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดภายในวัดมีสรีระของหลวงปู่เครื่องสุภัทโทอดีตเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ ซึ่งเป็นเกจิชื่อดังของจังหวัดศรีสะเกษ นอกจากนี้ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อยู่หลายแห่ง ทั้งอุโบสถพญานาคที่ประดิษฐานพระเมี๊ยะมุนีจำลองรูปหล่อหลวงปู่เครื่ององค์ใหญ่ ถ้ำเงินถ้ำทองเพื่อความเป็นศิริมงคล และอีกที่ที่ห้ามพลาดถ้าเดินทางมายังจังหวัดศรีสะเกษ 

การเดินทาง :

สอบถามข้อมูล :

.................................................................................................

วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม 



            อลังการถ้ำวังบาดาล หรือ ถ้ำพญานาค วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษความงดงามของถ้ำแห่งนี้สร้างขึ้นจากความศัทธาในเรื่องของพญานาคซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสวยพระชาติเป็นพญานาคทางเจ้าอาวาสและผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างโบสถ์ที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปคล้ายกับวังพญานาคในวรรณคดีภายในถ้ำมีความอลังการด้วยรูปปั้นพญานาคที่อ่อนช้อยงดงามรวมทั้งการจำลองหินงอกหินย้อยประดับด้วยหลอดไฟหลากสีให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำพญานาคใต้น้ำที่ดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์

การเดินทาง :

สอบถามข้อมูล :


    ..................................................................................

วัดไพรพัฒนาราม



             ริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ ปี พ.ศ. 2550 ตั้งอยู่เลขที่ 258 หมู่ที่ 3 ตำบล ไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ มีพระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ ่อพุฒ วายาโม เป็นเจ้าอาวาสวัด มีพระสงฆ์สามเณรในสังกัด 20 รูป และวัดไพรพัฒนายังขอประทานพระบรมสารีริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานบรรจุไว้ ณ มณฑปปราสาทหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา และเป็นสถานที่ตั้งสรีระสังขารของหลวงปู่สรวง ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ที่ เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดศรีสะเกษและประชาชนทั่วไปได้มาเคารพกราบไหว้ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา

การเดินทาง :

สอบถามข้อมูล :


วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

วันช้างไทย 2565 ที่ Elephant World จังหวัดสุรินทร์

 Press Release  1/2022 





ข้อมูลโคงการ วันช้างไทย  
คลิกลิ้งค์ด้านล่าง

https://docs.google.com/document/d/16gUkjWMwp5pcQ6OfI74U-RHcsk61_IGm/edit?usp=sharing&ouid=101566364472132731757&rtpof=true&sd=true  ขอขอบคุณข้อมูลจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ 







พัฒนาข้อมูลโดย

สุชารัตน์ แสงอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงาน

อัครเดชา ฮวดคันทะ   พนักงานการตลาด

แก้ไขเพิ่มเติมข้อมูล โทร 0864557040 


วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ROAD TRIP อีสานใต้ บุรีรัมย์ - สุรินทร์- ศรีสะเกษ

 


ROAD TRIP ปักหมุดเที่ยวอีสานใต้

บุรีรัมย์ - สุรินทร์- ศรีสะเกษ 

🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩🚩



 


1. ปราสาทเขาพนมรุ้ง

🚗 การเดินทาง ใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-นางรอง (ทางหลวง 208) ระยะทาง 50 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงสาย 24 ไป 14 กม. ถึงบ้านตะโก เลี้ยวขวาผ่านบ้านตาเป๊กไปพนมรุ้งเป็นระยะทางอีก 12 กิโลเมตร

🚩 พิกัด บ้านตาเป็ก ตำบลตาเป็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

📞 โทร  044-631746 สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

 ✅  เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.  ค่าเข้าชม 20 บาท

ค่านำยานพาหนะเข้าไปในเขตโบราณสถาน (กรณีเข้าประตู 3 ด้านหลังปราสาทพนมรุ้ง)

                   (1) รถจักรยาน 2 ล้อ คันละ 10 บาท

                   (2) รถจักรยานยนต์หรือรถจักรยาน 3 ล้อ คันละ 20 บาท

                   (3) รถจักรยานยนต์ 3 ล้อ คันละ 30 บาท

                   (4) รถยนต์ คันละ 50 บาท


 

2.ปราสาทเมืองต่ำ

🚗 การเดินทาง   อยู่ห่างจากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ราวๆ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 1 ชั่วโมง หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว จากสถานีขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์สามารถนั่งรถโดยสารสายบุรีรัมย์ - ประโคนชัย มาลงที่อำเภอประโคนชัยหรือสี่แยกประโคนชัย จากนั้นต่อรถที่จะวิ่งถนนอำนวยกิจเพื่อไปยังปราสาทเมืองต่ำ

🚩 พิกัด ปราสาทหินเมืองต่ำ บ้านโคกเมือง ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์

📞 โทร  0-4466-6251

 ✅   ค่าเข้าชม เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา  8.30 น. – 16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท

    

 

3.วนอุทยานพนมสวาย

🚗 การเดินทาง   การเดินทางมาพนมสวาย จากอำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ สะดวกมาก โดยไปทางรถยนต์ สายสุรินทร์-ปราสาท ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงบ้านกะน็อบ แยกไปตามเส้นทาง รพช. สายบ้านกะน็อบ-บ้านสวาย เป็นทางลูกรังอัดแน่น 6 กิโลเมตร รวมระยะทางจากอำเภอเมืองมาถึงวนอุทยานพนมสวาย ประมาณ 20 กิโลเมตร ถนนขึ้นเขาสวายนั้นเป็นถนนลาดยาง 2 เลน กว้าง 5 เมตร

🚩 พิกัด  ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์  จังหวัดสุรินทร์

📞 โทร   044 518 132

เปิดทำการทุกวัน 8.00-18.00 น.

 

4. หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง

🚗 การเดินทาง  บ้านท่าสว่าง อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปทางทิศเหนือ 10 กิโลเมตร ใช้ถนนสายเกาะลอย-เมืองลิง (ทางหลวงชนบท สร.4026)

🚩 พิกัด บ้านท่าสว่าง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

📞 โทร   กลุ่มทอผ้ายกทอง จันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง โทร. 089-202-7009,      04-455-8489-90

  เปิดทำการทุกวัน 8.00-16.00 น.   

 

5. elephant world โลกของช้าง

🚗 การเดินทาง จากตัวเมืองสุรินทร์ ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 214เส้นสุรินทร์-ร้อยเอ็ด ก่อนถึงอำเภอท่าตูมจะมีแยกซ้ายหลักกิโลเมตรที่ 36เลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางอีกประมาณ 22 กิโลเมตร

🚩 พิกัด โครงการโลกของช้าง (Elephant World)  ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์

📞 โทร   044-145050

   เปิดทำการทุกวัน 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชม เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท ขาวต่างชาติ 100 บาท   

 

6. ปราสาทศีขรภูมิ

🚗 การเดินทาง  จากตัวเมืองสุรินทร์ ให้ใช้ เส้นทางหลวงหมายเลข 226 เข้าสู่ อำเภอศีขรภูมิ ประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อเจอทางแยกเข้า ถนนเทศบาล 5 ให้เลี้ยวขวา และตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร จะเจอ ปราสาทศีขรภูมิ ตั้งอยู่

🚩 พิกัด ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์

 Google map  https://goo.gl/maps/o7ptyE8e7NqBNibo8 

  เปิดทำการทุกวัน 07.30-15.00 น. ค่าเข้าชม 10 บาท   

 
 
7. วัดป่าศรีมงคคลรัตนาราม

🚗 การเดินทาง  จากตัวเมืองศรีสะเกษไปยังวัดป่าศรีมงคลรัตนารามมีระยะทางประมาณ 41.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

🚩 พิกัด บ้านสิม หมู่ 8  ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ

 Google map goo.gl/maps/pTFZTeS8PLt

📞 โทร   094 879 8129

  เปิดทำการทุกวัน 08.00-18.00 น.   


 

8. วัดพระธาตุสุพรรณหงห์

🚗 การเดินทาง  เดินทางจากตัวจังหวัดศรีสะเกษ ออกทางเส้นสะพานขาว เจอสี่แยกไฟแดงแล้วเลี้ยวขวา ไปเจอป้ายวัดพระธาตุสุพรรณหงส์จะบอกให้เลี้ยวขวาอีกที ซึ่งจะเจอวัดพระธาตุเรืองรอง ก่อน ( เดี๋ยวผู้เขียนจะมารีวิวอีกที ) ให้ตรงไปจนถึง วัดพระธาตุสุพรรณหงส์   อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 10 กิโลเมตร

🚩 พิกัด  ตำบลน้ำคำ อำเภอเมืองศรีสะเกษ  จังหวัดศรีสะเกษ

เปิดทำการทุกวัน 08.00-18.00 น.   

〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰〰

EACEBOOK :ททท.สำนักงานสุรินทร์ tatsurin

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 044-514447-8

E-mail : tatsurin@tat.or.th

กลับสู่หน้าหลัก  www.tatsurinsrisaket.blogspot.com