วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รวมภาพที่เที่ยวศรีสะเกษ มาให้ชมกัน #เที่ยวทิพย์ศรีสะเกษ

 แนะนำ

E-Book แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรม จังหวัดสุรินทร์-ศรีสะเกษ

แวะชมก่อนได้ ครับ  






เริ่มต้นกันเลยครับ ที่จุดชมวิวสวยๆที่เมือง ศรี  ศรีสะเกษ

จุดรับตะวัน 3 แผ่นดิน

ที่เที่ยวแนะนำจุดแรก คือจุดชมวิวลานฮับตะวัน บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  เล่าลือกันว่า ถ้ามีโอกาสมารับพลังจากแสงแรกของพระอาทิตย์ ณ บริเวณนี้แล้ว จะเป็นการเสริมพลังชีวิตให้เกิดความรุ่งเรืองในการดำเนินชีวิต ครับ 


ลานฮับตะวัน
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารมีทัศนียภาพและทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่หลายแห่ง เช่น จุดชมทิวทัศน์ผามออีแดง จุดชมทิวทัศน์หน้าผาช่องโพย บริเวณป่าและสวนหินรอบสระตราว ถ้ำฤๅษี แหล่งตัดหิน สถูปคู่ ภาพสลักนูนต่ำใต้ผามออีแดง น้ำตกผาช่องโพย จุดชมวิว ภูเซี่ยงหม้อ ปราสาทโดนตวล และที่สำคัญคือ ปราสาทเขาพระวิหาร อันเป็นโบราณสถานสำคัญเก่าแก่ ที่เคยเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชา เมื่อพ.ศ. 2505 และในที่สุดศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ได้ตัดสินให้ตัวปราสาทอยู่ในอธิปไตยของประเทศกัมพูชา แต่ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ทางฝั่งไทย และพื้นที่ทางขึ้นบริเวณผามออีแดงที่จังหวัดศรีสะเกษเป็นทางขึ้นที่สะดวกที่สุด

อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อยู่ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีเนื้อที่ 85,388.97 ไร่ (136.62 ตารางกิโลเมตร) อาณาเขตด้านใต้ติดต่อกับประเทศกัมพูชา มีถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารบริเวณผามออีแดงในตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 14 ก ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541) นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 19 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระวิหาร ป่าฝั่งลำโดมใหญ่ ท้องที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่ป่าไม้ชายแดนให้เป็นพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ ห้ามเข้าไปและอาศัยอยู่โดยเด็ดขาด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่มาก มีทัศนียภาพที่สวยงาม ตลอดจนโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และกรมป่าไม้กำหนดและประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ


































ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 

อัครเดชา ฮวดคันทะ พัฒนาข้อมูล

***************************************************************************

       ลุยสวนทุเรียนภูเขาไฟ

 เมื่อพฤษภาคม ย่างเข้ามา ถึงสิงหาคม ของทุกปี สวนเกษตร และทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ ก็เป็นที่ต้องการอยากเดินทางมาสัมผัสของผู้คนทั้งในและต่างจังหวัดรวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ พื้นที่ปลูกทุเรียนภูเขาไฟที่นี่ มีหลายพันไร่ ในพื้นที่ อำเภอ กันทรลักษ์ ขุนหาญ ศรีรัตนะ ซึ่งในแต่ละปีสามารถหมุนเวียนและกระตั้นเศรษฐกิจให้มีเม็ดเงินไหลเวียนหลายร้อยล้านบาท  ทำให้เป็นการเติมรอยยิ้มให้กับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ได้อย่างดี 

         วันนี้ ขอนำเสนอภาพสวยๆ ในสวนทุเรียนภูเขาไฟ และบรรยากาศทั่วไปเมื่อเดินทางทาที่สวนทุเรียน 

          ปล.ส่วนท่านที่เดินทางมาไม่ได้ สามารถสั่งซื้ออนไน์ ได้ ผ่าน www.lavadurain.com หรือสั่งซื้อได้ที่สวนทุเรียนได้เลย ครับ ลองสะแกน QR Code ด้านล่างกับน้องทุเรียนได้เลย ครับ



ทุเรียนภูเขาไฟ สด สุก จากสวน ครับ

เนื้องาม กลิ่นไม่ฉุน ละมุนลิ้น กินแล้วมีความสุข



คุณครูนาง เจ้าของสวนทุเรียน พ่อวันนา บ้านซำขี้เหล็ก อ.ขุนหาญ ครับ 



ท่านวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กับ คุณธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ กำลังพ่นไฟ หลังจากทานทุเรียนภูเขาไฟ ครับ



ท่านผู้ว่าวัฒนา กำลังทานของหวานจากทุเรียน อร่อยมาก ครับ



รอยยิ้ม กลางสวนทุเรียน ไร่อิงธาร ที่ กันทรลักษ์ ครับ



หลากหลายเมนู น่าทานครับ แกงทุเรียน ทุเรียนเผา ขนมใส้ทุเรียน และอีกมากกมาย ครับ


ทุเรียนทองลาวา ศรีสะเกษ  เพจ ทองลาวา ส่งถึงที่ ครับ

กำลังพ่นไฟ ครับ 

คุณเจษฎา อุปนิ รายการสนามข่าว 7 สี ช่อง7 HD ครับ

คุณธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท.สำนักงานสุรินทร์

ราชินี แห่งผลไม้ 



















สวนทุเรียน ไร่อิงธารออแกนิค อ.กันทรลักษ์




กิจกรรมชุมชน เลาะสวนทุเรียน









































น้องภู จากไร่บุญวันพืชสวน  ครับ สั่งซื้อได้ที่เพจ ไร่บุญวันพืชสวน  หรือ Line ckmppp  ครับ
































ลิขสิทธิ์ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

อัครเดชา ฮวดคันทะ พัฒนาข้อมูล

*******************************************************************************


อารยธรรมขอมโบราณ ผสานยุสมัยแห่งความรุ่งเรือง

วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย 

-กราบหลวงปู่ -ชมปราสาทสระกำแพงใหญ่ -ศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์ --

  • Location: 138 หมู่ 1 วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ. ศรีสะเกษ, 33120

สภาพทั่วไปของปราสาทสระกำแพงใหญ่ประกอบด้วยระเบียงคดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 49 เมตร ยาว 67 เมตร ล้อมรอบกลุ่มปราสาทอิฐและบรรณาลัย รวมทั้งหมด 6 หลัง จากภาพถ่ายทางอากาศ ชี้ให้เห็นว่าปราสาทสระกำแพงใหญ่น่าจะมีชุมชนรายรอบอย่างหนาแน่น ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ห่างออกไปประมาณ 400 เมตร มีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เรียกว่า "สระกำแพง" สันนิษฐานว่าน่าจะขุดขึ้นเมื่อครั้งสร้างปราสาท ส่วนทางทิศตะวันออกมีลำห้วยเล็กๆไหลผ่าน คือ ห้วยตาเหมา ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาที่แยกออกมาจากห้วยสำราญ





ประวัติ

วัดสระกำแพงใหญ่ (พระอารามราษฎร์) หนึ่งในอู่อารยธรรมแห่งประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งของ “ปราสาทหินสระกำแพงใหญ่” โบราณสถานสมัยขอมที่มีอายุยืนยาวกว่า 1,000 ปี ภายในบริเวณวัดสระกำแพงใหญ่ มีปราสาทหินโบราณขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด ตัวปราสาทมีลักษณะคล้ายเจดีย์ หรือปรางค์โบราณ 3 องค์บนฐานเดียวกัน ก่อด้วยหินทรายมีอิฐแซม ด้านหน้ามีวิหารก่ออิฐ 2 หลัง ล้อมรอบด้วยระเบียงคต ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีโคปุระหรือประตูซุ้มทั้ง 4 ทิศ ปรางค์ประธานมีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้าง ทิศเหนือบนฐานศิลาเดียวกัน มีปรางค์ก่อด้วยอิฐ เหนือกรอบประตูมีทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์อยู่เหนือพญาอนันตนาคราชกลางเกษียรสมุทร ซึ่งมีความงดงามยิ่ง ทิศใต้มีปรางค์ก่อด้วยอิฐเช่นเดียวกับด้านทิศเหนือ เหนือกรอบประตูมีทับหลังสลักภาพพระอิศวรกับพระอุมาประทับนั่ง จากการขุดค้นบูรณะของกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ.2535 พบวัตถุโบราณที่ทรงคุณค่าภายในบริเวณปราสาทหินสระกำแพงใหญ่อีกจำนวนมาก เช่น ทับหลังจำหลักภาพศิวะนาฏราช ทับหลังจำหลักภาพพระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ ตามจารึกที่ศิลาทรายหลืบประตูปราสาทหินวัดสระกำแพงใหญ่ บ่งชี้ว่าปราสาทหินแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับศิลปะขอมแบบปาปวน เพื่อเป็นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ก่อนหน้าที่กรมศิลปากรจะเข้าไปทำการบูรณะ มีการขุดพบพระพุทธรูปปางนาคปรก เป็นพระพุทธรูปที่แกะด้วยหินศิลาทราย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าสถานวรมันรัชกาลที่ 2-3 ราวปี พ.ศ.1153 ยืนยันถึงความเก่าแก่ของโบราณแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

การเดินทางสดวกสบาย ใกล้ทางหลวง อุทุมพร-ห้วยทับทัน










ลิขสิทธิ์ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

อัครเดชา ฮวดคันทะ พัฒนาข้อมูล


***********************************************************************

วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต)

ตำบล: เมืองเหนือ

อำเภอ: เมืองศรีสะเกษ

จังหวัด: ศรีสะเกษ








วัดมหาพุทธาราม บ้านเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่กลางเมืองศรีสะเกษ มีวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่เคารพสักการะของชาวศรีสะเกษคือ หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีความสูงจากฐานถึงยอดเกศ 6.85 เมตร หน้าตักกว้าง 3.50 เมตร เดิมเป็นพระพุทธรูปศิลาจำหลัก สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยขอมซึ่งมีอายุร่วมพันปีมาแล้วแต่มาสร้างเพิ่มเติมขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏแน่ชัด ภายในวัดมีวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะของชาวศรีสะเกษ








ลิขสิทธิ์ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
อัครเดชา ฮวดคันทะ พัฒนาข้อมูล

******************************************************************************************

รูปหล่อประนางศรีสะเกศ
ประดิษฐานไว้เป็นสมบัติคู่บ้านคู่เมือง 
และเป็นที่สักการะของคนทั่วไป

รูปหล่อพระนางศรีสระเกศ สร้างด้วยโลหะทองเหลืองรมดำ ขนาดเท่าคนจริง ออกแบบโดยอาจารย์พจน์ หวลมานพ แห่งวิทยาลัยเพาะช่างกรุงเทพฯ และได้ทำพิธีอัญเชิญพระนางศรีสระเกศประดิษฐานบนแท่น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2524

ตามตำนานพระนางศรีสระผม (ชื่อเดิม) เป็นคนสัญชาติกล่อม (ขอมแท้) ตามสันนิษฐานเข้าใจว่าเป็นราชธิดาของท้าวสุริยวรมันกับพระนางพิณสวัณคราวดี ตำแหน่งเป็นอุปราชครองพิมานมงคลในแคว้นโคตรบูร พระนางศรีสระผมเป็นผู้อำนวยการสร้างปราสาทสระกำแพง เป็นผู้รู้วิชานาฎศิลปะ ชำนาญการฟ้อนรำ ทรงเป็นครูฝึกหัดการฟ้อนรำ ทรงเป็นประธานในพิธีถวายเทวาลัยปราสาทสระกำแพง พระนางศรีฯ ได้เข้าพิธีสรงสนานลงอาบน้ำสระผมในสระกำแพง แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศสวยงาม มีดนตรีบรรเลง ทรงฟ้อนรำบวงสรวงเดี่ยวหน้าเทวรูปพระวิษณุ อัญเชิญเทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ศักดานุภาพมารับมอบเทวาลัยเป็นที่สิงสถิต คนทั่วไปได้ซาบซึ้งและระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงได้เรียกขานว่าพระนางศรีสระผม ต่อมาพระบาท-สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าพระราชทานให้ตั้งเมืองใหม่ แยกจาก “เมืองขุขันธ์” ชื่อว่า “เมืองศรีสะเกษ” เพื่อเป็นการให้เกียรติและเป็นอนุสรณ์แก่พระนางศรีสระผม

ต่อมาได้มีการเปลี่ยนการเรียกชื่อรูปเคารพ ของพระนางศรีสระผม (เดิม) เปลี่ยนเป็น “พระนางศรีสระเกศ” เพื่อให้สอดคล้องและกลมกลืนกับวัฒนธรรมและสังคมของเมืองศรีสะเกษ และให้เกิดความถูกต้องกับสถานที่ตั้งและให้ประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ สามารถจดจำชื่อและเป็นเอกลักษณ์ของเมืองได้ตลอดจนใช้เป็นชื่อเรียกทางราชการต่อไปในภายหน้า

เมืองศรีสะเกษ ได้วิวัฒนาการ เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันมาตามกาลสมัย ดังได้ปรากฏทุกวันนี้ ขอวิญญาณของพระนางศรีผู้ฝากคุณงามความดี เป็นชื่อเมืองนี้ อันเป็นสัญลักษณ์มิ่งมงคลอันดีงามของเมืองศรีสะเกษ







ลิขสิทธิ์ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
อัครเดชา ฮวดคันทะ พัฒนาข้อมูล


****************************************************************************************

ร้านอาหาร สีเขียว ฝากท้อง ต้องลอง อาหารอร่อย ได้มาตรฐาน SHA แล้ว ครับ

ที่อยู่54/831 หมู่ 10 ตำบล โพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ศรีสะเกษ 33000
เวลาทำการ





























ลิขสิทธิ์ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
อัครเดชา ฮวดคันทะ พัฒนาข้อมูล


*********************************************************************


ร้านกาแฟเท่ๆ บรรยากาศท้องทุ่ง 
โพนนาคาเฟ่



******************************************************************************