วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วัดบ้านด่าน จังหวัดศรีสะเกษ เเหล่งรวมความศรัทธา วิจิตรงดงามดั่งสวรรค์บนดิน

 หากนึกถึงจังหวัดที่มีวัดมากที่สุด เเน่นอนว่าต้องไม่พลาดชื่อของจังหวัดนี้ จังหวัดศรีสะเกษไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่ยังมีที่เที่ยวมากมายโดยเฉพาะสายมูชอบเที่ยววัด ชอบทำบุญ ชอบสถาปัตยกรรม คงถูกใจไม่น้อย เพราะมีวัดสวยแปลกตาเพรียบ        และหากใครที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับการเที่ยววัดลองได้มาเที่ยววัดที่ศรีสะเกษสักครั้ง รับรองต้องว้าวแน่ 

    


พระครูวิจิตร กาญจนเขต เจ้าคณะตำบลสร้างปี่ เจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน เปิดเผยว่า วิหารดังกล่าว เป็นลักษณะ 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดโล่งเตรียมสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่าโบราณ ส่วนชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้กราบไหว้และขอพร โดยได้เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2553 มีขนาดความกว้าง 18 เมตร ยาว 28 เมตร ใช้เสา 40 ต้น วัตถุประสงค์ที่สร้างวิหารเพื่อเป็นที่ตั้งประดิษฐานหลวงพ่อทอง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านด่าน ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก



ความสวยงามของวิหารวัดบ้านด่าน ต.สร้างปี่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ มีการประดับตกแต่งวิหารเป็นสีขาวทั้งหมด รวมถึงหลังคาวิหาร และมีการแกะสลักลวดลายที่สวยงาม โดยบริเวณด้านข้างวิหารทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาได้สร้างเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ ส่วนบริเวณบันไดทางขึ้นมีการแกะสลักเป็นรูปพญานาคคดเคี้ยวไปมาอย่างวิจิตรสวยงามและมีเสน่ห์มนต์ขลังส่งผลทำให้มีนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าวต่างพากันแห่มาท่องเที่ยวถ่ายรูปกันอย่างต่อเนื่องและเดินทางมาเยี่ยมชมความวิจิตรงดงามของวัดบ้านด่านที่เปรียบดั่งเมืองสวรรค์ใครได้มาเยือนเป็นต้องตกตะลึงและอยากกลับมาเยือนซ้ำอีกแน่นอน





ภาพโดย อัครเดชสา ฮวดคันทะ

รายงาน จุฑามาศ คิดกล้า

             อังคณา สอนสงคราม



วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ผอ.ททท.สุรินทร์ ไลฟ์สด กลางสวนทุเรียนภูเขาไฟ

 



    มื่อวันที่ 14 กรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมา นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ ร่วมกิจกรรม ออกอากาศ สด ณ สวนทุเรียนโกมล แนวบุตร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นำเสนอผลผลิตทางการเกษตรผลไม้ทุเรียน ลองกอง มังคุด เงาะ ภูเขาไฟ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าทางการเกษตรทางออนไลน์ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ไม่สามารถมาเยี่ยมชมสวนและเลือกซื้อผลไม้และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆได้ทางสวนได้อำนวยความสะดวกโดยการเปิดจำหน่ายผลผลิตทางออนไลน์ สามารถสั่งซื้อได้ที่ www.lavadurain.com สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ เพจ ททท.สำนักงานสุรินทร์








รูปภาพโดย อัครเดชา ฮวดคันทะ
รายงาน
จุฑามาศ คิดกล้า 
อังคณา สอนสงคราม 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ร้อยสี พันลาย ผ้าไหม แห่งสุรินทร์

 

ลายผ้าไหมในจังหวัดสุรินทร์

ประวัติความเป็นมา

                             จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมมานานและได้สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมมานานจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่น่าสนใจยิ่งหากศึกษาอย่างลึกซึ่งแล้วจะค้นพบเหตุผลหลายประการที่สนับสนุนว่าจังหวัดสุรินทร์มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้าไหมตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมต่างๆซึ่งส่งผลต่อการผลิตและการทอไม่ว่าจะเป็นลวดลายของผ้าไหมการผลิตเส้นไหมน้อยและกรรมวิธีการทอจังหวัดสุรินทร์นิยมนำเส้นไหมขั้นหนึ่งหรือไหมน้อย(ภาษาเขมร เรียก “โซกซัก)มาใช้ในการทอผ้าไหมน้อยจะมีลักษณะเป็นผ้าไหมเส้นเล็กเรียบนิ่มเวลาสวมใส่จะรู้สึกเย็นสบายนอกจากนี้การทอผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์ยังมีกรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อนและเป็นกรรมวิธีที่ยากซึ่งต้องใช้ความสามารถและความชำนาญจริง เช่น การทอผ้ามัดหมี่พร้อมยกดอกไปในตัวซึ่งทำให้ผ้าไหมที่ได้เป็นผ้าเนื้อแน่นมีคุณค่ามีการทอที่เดียวใบประเทศไทยจนเป็นที่สนพระทัยและเป็นที่ชื่นชอบของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงรับสั่งว่าใส่แล้วเย็นสบายอีกทั้งยังใช้ฝีมือในการทออีกด้วย

                             ภาพของลายผ้าไหมที่มีความสวยงามความประณีตความละเอียดอ่อนและความใสใจของผู้ที่ทอผ้าไหมเพื่อที่จะให้ลายของผ้าแต่ละลายออกมามีความสวยงามน่าประทับใจและยังเป็นที่น่าภาคภูมิใจมากสำหรับชาวสุรินทร์ของเราที่สามารถมีลวดลายผ้าไหมที่ออกมาสวยงามได้มากขนาดนี้ตัวอย่างของลายผ้าไหมที่มีความสวยงามละเอียดอ่อนและมีประวัติที่ยาวนาน

 


ลักษณะเด่นของผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์

1.มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกัมพูชาและลวดลายที่บรรจงประดิษฐ์ขึ้นล้วนมีที่มาและมีความหมายอันเป็นมงคล

2.นิยมใช้ไหมน้อยในการทอซึ่งไหมน้อยคือไหมที่สาวมาจากเส้นใยภายในรังไหมมีลักษณะนุ่มเรียบเงางาม

3.นิยมใช้สีธรรมชาติในการทอทำให้มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีสันที่มีลักษณะเฉพาะ คือ สีจะออกโทนสีขรึม เช่นน้ำตาล แดง เขียว ดำ เหลือง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจากเปลือกไม้

4.ฝีมือการทอจะทอแน่นมีความละเอียดอ่อนในการทอและประณีต รู้จักผสมผสานลวดลายต่าง ๆ เข้าด้วยกัน แสดงถึงศิลปะที่สวยงามกว่าปกติ

5.แต่เดิมนั้นการทอผ้าไหมของชาวบ้านทำเพื่อไว้ใช้เอง และสวมใส่ในงานทำบุญและงานพิธีต่างๆ

                             การทอจะทำหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักมิได้มีการทอเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใดจนมีคำกล่าวทั่วไปว่า “พอหมดหน้านา ผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายตีเหล็ก

                             แหล่งผลิตผ้าไหมในจังหวัดสุรินทร์ จึงมีเกือบทุกหมู่บ้านผู้สนใจสามารถไปชมกรรมวิธีการเลี้ยงไหม และการทอผ้าไหมจากแหล่งต่างๆ ได้มากมายหลายแห่งลายผ้าไหมของชาวสุรินทร์มีผู้จัดประเภทตามลักษณะการทอได้ 6 ประเภท คือ

ผ้าไหมมัดหมี่

1.มัดหมี่โฮล หรือ จองโฮล(จองเป็นภาษาเขมร หมายถึง ผูกหรือมัด) หรือ ซัมป็วตโฮลเป็นหนึ่งในผ้าไหมมัดหมี่ของเมืองสุรินทร์มัดหมี่แม่ลายโฮลถือเป็นแม่ลายหลักของผ้ามัดหมี่สุรินทร์ที่มีกรรมวิธีการมัดย้อมด้วยวิธีเฉพาะไม่เหมือนที่ใดๆความโดดเด่นของการมัดย้อมแบบจองโฮลคือในการมัดย้อมแบบเดียวนี้ สามารถทอได้ 2 ลาย คือ โฮลผู้หญิง (โฮลแสร็ย) หรือผ้าโฮลธรรมดา และสามารถทอเป็นผ้าโฮลผู้ชาย (โฮลเปราะฮ์) ไว้นุ่งในงานพิธีต่างๆ

ผ้าโฮล  ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทผ้าไหม ในงาน “มหกรรมผ้าไทยเทิดไท้องค์ราชินีเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2545 ณ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์สาขาบางกะปิกรุงเทพฯซึ่งจัดโดยกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย

ผ้าโฮล เป็นผ้าไหมมัดหมี่ที่มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น นิยมใช้เส้นไหมน้อยในการทอ มีการมัดย้อมเส้นพุ่งด้วยวิธีการเฉพาะเรียกว่า จนองโฮล โดยการมัดหมี่ผ้าโฮลนิยมมัดหมี่ 21 ลำซึ่งการมัดหมี่เพียงหนึ่งลาย สามารถทอได้ถึง 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ (ลายโฮลผู้ชาย)ผ้าโฮลสะไรย์ (ลายโฮลธรรมดา หรือโฮลผู้หญิง) ผ้าโฮลเกียรติ และผ้าโฮลปะนะในการค้นลำมัดหมี่ มัดหมี่โฮลแต่ละลำจะเป็นอิสระต่อกันการทอจะใช้เทคนิคการทอพิเศษโดยการทอผ้าให้ลายเฉียงขึ้นเรียกว่า “ปะน๊ะ” การมัดย้อมจะนิยมใช้สีธรรมชาติและมัดย้อมหลายครั้งละเอียดทุกขั้นตอน การย้อมสีผ้าโฮล คือจะต้องให้ครูทอผ้ามาสอนวิธีการย้อมเสียก่อนเพราะถือกันว่าเป็นผ้าครูที่จะต้องผ่านกระบวนการครอบบครูเสียก่อนผ้าโฮลมี 5 สี ได้แก่ สีดำแดง,เหลือง,น้ำเงิน และเขียว สีเหล่านี้ได้จากการย้อมด้วยสีธรรมชาติ เนื้อผ้ามักมี 2 สี ด้านหน้าเป็นสีอ่อน อีกด้านหนึ่งเป็นสีเข้มกว่า















 

ผ่านมา ต้องแวะ ร้านกาแฟ กลางทุ่ง ริมทาง หลวง 24 ที่สังขะ จังหวัดสุรินทร์

ร้านกาแฟ นา.ตาทวด บรรยากาศลอฟริมทางหลวงกลางทุ้งนา  ชิลล์จริงๆ 

อีกหนึ่ง สถานที่ ที่ต้องลองไปสัมผัส ถ้าหากเดินทางผ่านไปทาง ทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) แถวๆแยก อำเภอสังขะ 

ตั้งอยู่เลขที่ 18 ตำบล บ้านชบ อำเภอ สังขะ สุรินทร์ 32150



https://www.facebook.com/Na.tatuad/  🗺 พิกัดร้าน @ นา.ตาทวด

https://goo.gl/maps/dPYJEoyWviAjmQ9b8

📍 ร้านอยู่ตรงไหน? : ถนนทางหลวงหมายเลข 24 บ้านพูนทราย อ.สังขะ ก่อนถึงปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ 

🕖 ร้านเปิดกี่โมง? : เปิดทุกวัน เวลา 08:00 - 18:00 น. ขณะนี้ทางร้านเรามีบริการเฉพาะกาแฟและเครื่องดื่ม
































อัครเดชา ฮัวคันทะ รายงาน